ว่าด้วยเรื่องของอุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์ ที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดและเข้มข้น ว่าด้วยเรื่องของการบริหารต้นทุนให้ต่ำ ทำให้เร็วกว่าเดิม เพิ่มการลงทุนเทคโนโลยี จึงได้เกิดการนำเทคโนโลยี หุ่นยนต์ระบบอัตโนมัติ ปัญญาประดิษฐ์ โมบายแอปพลิเคชันแบบเรียลไทม์ เข้ามาใช้เพื่อช่วยบริหารจัดการการเพิ่มประสิทธิภาพทางด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ ให้ตอบกระแสการปรับเปลี่ยน ไปสู่สังคมเศรษฐกิจดิจิตอล มากขึ้น
4 เรื่อง ที่โลจีสติกส์ต้องคำนึงถึง
สิ่งสำคัญ 4 เรื่องที่ผู้ประกอบการ ในอุตสาหกรรมขนส่งและโลจิสติกส์ต้องคำนึงถึงก็คือ
- ความรวดเร็วในการจัดส่งสินค้า
- การส่งมอบสินค้าตรงเวลา
- สินค้าอยู่ในสภาพสมบูรณ์
- พนักงานให้บริการอย่างมืออาชีพ
ท่ามกลางความดุเดือดของการแข่งขันสำหรับธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ไทย ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็กำลังเร่งปรับตัวสรรหาเทคโนโลยีต่างๆเข้ามาบริหารจัดการงานมากขึ้น การแข่งขันเพื่อชัยชนะจึงไม่ใช่เพียงแค่การหาเทคโนโลยีดีๆเข้ามาใช้ แต่มันคือการลงทุนเทคโนโลยีโดยการลงทุนอย่างถูกจุดอ่านเกมให้ขาด เพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ และยืนหนึ่งในยุค Digital disruption ให้ได้
5 เทรนด์ท้าทาย ของโลกขนส่งและโลจิสติกส์ 2020
1. Digital โลจิสติกส์
การบริหารงานในยุคนี้เป็นยุคที่ต้องอาศัยข้อมูลดิจิตอลซึ่งจะช่วยทำให้ระบบโลจิสติกส์มีประสิทธิภาพมากขึ้น ข้อมูลจึงกลายเป็นตัวแปรที่สำคัญ ที่มีผลทำให้ผู้ประกอบการขนส่งและโลจิสติกส์จะสามารถเอาชนะคู่แข่งได้ จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ สำหรับผู้ที่ประกอบธุรกิจนี้ในการที่จะต้องปรับปรุง เปลี่ยนแปลงตัวเอง เปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานให้เข้าสู่ระบบดิจิตอล เพราะ มันมีผลต่อการทำงานแบบ Day to Day ความสำคัญของข้อมูลจากระบบดิจิตอลจะสามารถช่วยสนับสนุนการตัดสินใจในด้านต่างๆได้ดีขึ้น การมองระบบการทำงานซัพพลายเชนได้ทั้งระบบ และยังช่วยให้สามารถควบคุมการเปลี่ยนแปลง ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วแบบรายวันหรือรายชั่วโมงอย่างทุกวันนี้ได้ง่ายขึ้น
2. Real Time supply chain visibility
ห่วงโซ่อุปทาน เป็นคำที่หลายคนคุ้นเคยกันดี การจัดการทัศนวิสัยในการมองห่วงโซ่นี้ เป็นสิ่งที่เจ้าของธุรกิจ ขนส่งและโลจิสติกส์ จะต้องมีข้อมูลแบบ Real Time เป็นต้นว่า สินค้าอยู่ที่ไหน จำนวนเท่าไหร่ จะมีการเคลื่อนย้ายเกิดขึ้นเมื่อไหร่ สิ่งต่างๆเหล่านี้ จำเป็นต้องถูกติดตามด้วย iot Sensor สำหรับกระบวนการติดตามการขนส่ง เช่น เส้นทางในการขนส่ง จุดส่งสินค้ารวมถึงเงื่อนไขพิเศษต่างๆ เพื่อตอบสนอง ในสิ่งที่ ลูกค้าต้องการได้อย่างทันท่วงทีและเร็วที่สุดแต่ในขณะเดียวกันต้องสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายและเชื่อมโยงข้อมูลต่างๆเหล่านี้ในกระบวนการธุรกิจได้ดีที่สุดด้วย iot Sensor จึงกลายเป็นผู้ช่วยสำคัญของห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งมันจะมีหน้าที่และบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการตัดสินใจและการคาดการณ์ในอนาคตเพื่อการปรับเปลี่ยนและจัดการกับ Order รวมถึง supply chain ให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด
3. Consolidation of goods
เทรนการจัดการทางด้านการขนส่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2020 นี้คือการรวบรวมสินค้าจากหลายบริษัท และการบรรทุกจัดส่งไม่ว่าจะเป็นทางบก ทางน้ำ หรือทางอากาศ เพื่อให้เกิดการประหยัดค่าใช้จ่ายในการขนส่งมากที่สุดและจะต้องช่วยให้กระบวนการโลจิสติกส์มีเสถียรภาพมากที่สุด ปัจจัยที่สำคัญก็คือขนาดของตลาดขนส่ง ซึ่งกำลังมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วไม่ต่างกับขนาดของการบรรทุกจัดส่ง ดังนั้นถ้าหากทุกอย่างสามารถสั่งซื้อได้แบบออนไลน์ ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นก็คือ จำนวน Order จะมากขึ้น ปริมาณการขนส่ง ก็จะมากขึ้นด้วย ดังนั้น เมื่อทุกอย่างมากขึ้นขนาดของรถบรรทุกสำหรับจัดส่งของบริษัทจัดส่งสินค้าจึงต้องเล็กลง เพื่อเพิ่มความเร็วในการส่งสินค้า ให้ได้มากขึ้น
4. Artificial and augmented intelligence AI
สิ่งที่เราเรียกว่า AI หรือรู้จักกันในนามปัญญาประดิษฐ์ เป็นนวัตกรรมหรือจะเรียกว่าเป็นเทคโนโลยีซึ่งกำลังจะคืบคลานเข้ามาแทนที่งานบางส่วน ที่ทำโดยมนุษย์แบบซ้ำๆ เป็นการทดแทนโดยระบบ เนื่องจากมันมีระเบียบและสามารถวัดผลได้ชัดเจนเป็นรูปประธรรมมากขึ้น ยกเว้นก็แต่งานบางประเภทที่เป็นงานซึ่งจำเป็นจะต้องใช้ทักษะของมนุษย์และมันก็ทำให้เกิดเทรนใหม่ที่เรียกว่า Augmented Inteligence เรียกอีกชื่อว่าปัญญาเสริมโดยเกิดขึ้นด้วยแนวความคิดที่ว่า มนุษย์กับ AI สามารถทำงานร่วมกันได้ พูดง่ายๆว่ามันเป็นการเรียนแบบความฉลาดของมนุษย์และขยายขีดความสามารถทางปัญญาและการจัดการของมนุษย์ ลงในซอฟต์แวร์ ยกตัวอย่างเช่น หน่วยความจำและการจัดการลำดับ การรับรู้และการคาดการณ์ การแก้ปัญหารวมไปถึงการตัดสินใจ เพื่อให้ทั้งระบบเข้าใจความต้องการของมนุษย์และสามารถเพิ่มความสามารถในการเชื่อมโยงต่างๆเข้าด้วยกันได้มากที่สุด
5. Data standardization and predictive analytics platform
เครื่องมือสำหรับช่วยรวบรวมข้อมูลโลจิสติกส์ขนาดใหญ่ในโลกคิด Digital ซึ่งมันจะทำหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลความเสี่ยงและจัดการข้อมูลต่างๆให้เป็นหนึ่งเดียว ดังนั้นในยุค 2020 นี้ สิ่งที่ธุรกิจโลจิสติกส์ต้องทำอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือศึกษากระบวนการทำงานของ Solution platform จากนั้นก็นำมาใช้กับธุรกิจเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในด้านจัดการ งานขนส่งให้ดีมากขึ้นเพิ่มสมรรถนะในเรื่องของการใช้รถและระบบขนส่งให้ได้มากขึ้น ในขณะที่ต้องจัดการกับเชื้อเพลิงในการขนส่งให้น้อยลง ข้อมูลต่างๆและการวิเคราะห์ด้วย แพลตฟอร์มจะทำให้ เจ้าของธุรกิจเห็นรูปแบบของความเสี่ยง โดยที่ ใส่เงื่อนไขเฉพาะลงไปใน platform ก็จะสามารถได้ข้อมูลสำหรับการพยากรณ์ล่วงหน้า เช่น โอกาสเกิดอุบัติเหตุ การใช้น้ำมัน เส้นทางขนส่งและจุดจอดรถที่เหมาะสม การซ่อมบำรุงรถและการใช้จ่ายต่างๆ เป็นต้น
เรียบเรียง : P.ITSARA
